นิทานเรื่อง "เสกผู้มีสองใจ"(โรคไบโพลาร์)

นิทานเรื่อง "เสกผู้มีสองใจ"(โรคไบโพลาร์)

นิทานเรื่อง "เสกผู้มีสองใจ"

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวอำเภอไทรน้อย มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ เสก เสกเป็นคนที่มีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ผิดปกติ บางวันเขาก็ร่าเริง แจ่มใส มีพลังงานล้นเหลือ อยากทำทุกสิ่งทุกอย่าง พูดมาก และนอนน้อย แต่บางวันเขากลับตรงกันข้าม เขารู้สึกเศร้า หดหู่ ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากทำอะไรเลย ได้แต่นอนซมอยู่ทั้งวัน

อาการของเสกทำให้เพื่อน ๆ และครอบครัวสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเสกถึงเป็นเช่นนี้ บางคนก็คิดว่าเสกเป็นคนเอาแต่ใจ อารมณ์แปรปรวน แต่เสกเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

วันหนึ่ง พ่อแม่ของเสกเห็นว่าอาการของลูกชายไม่ดีขึ้น จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลบางบัวทอง หมอตรวจดูแล้วบอกว่า "อาการของเสกนั้นเรียกว่า โรคไบโพลาร์ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่มันเกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง" หมอแนะนำให้เสกรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ และทำกิจกรรมที่ช่วยปรับอารมณ์

เสกทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด เขาพยายามทำความเข้าใจกับโรคของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน เมื่อเขารับประทานยาและดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง อาการอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็เริ่มคงที่ขึ้น และเสกก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและเข้าใจตัวเองมากขึ้น

ข้อคิดจากนิทาน: นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า โรคไบโพลาร์ เป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถรักษาได้ การทำความเข้าใจโรค การรับความช่วยเหลือจากแพทย์ และการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข


 

บทความเรื่องโรคไบโพลาร์: สาเหตุและการดูแลรักษา

โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า "โรคอารมณ์สองขั้ว" เป็นโรคทางจิตเวชที่ผู้ป่วยมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างภาวะที่ตรงข้ามกันอย่างรุนแรง คือ ภาวะครึกครื้นหรืออารมณ์ดีผิดปกติ (Mania/Hypomania) สลับกับภาวะซึมเศร้า (Depression)

สาเหตุหลักของโรคไบโพลาร์

  • ปัจจัยทางชีวภาพ: เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมองที่ควบคุมอารมณ์ เช่น เซโรโทนิน โดปามีน และนอร์เอพิเนฟริน

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: โรคนี้มีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไบโพลาร์จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น

  • ปัจจัยด้านจิตใจและสังคม: การเผชิญกับความเครียดอย่างรุนแรง, เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ, หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการได้

อาการหลักของโรคไบโพลาร์

1. ภาวะครึกครื้นหรืออารมณ์ดีผิดปกติ (Mania/Hypomania):

  • มีอารมณ์ร่าเริง เบิกบาน หรือหงุดหงิดง่ายผิดปกติ

  • มีพลังงานล้นเหลือ นอนน้อยแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย

  • พูดเร็ว พูดมาก มีความคิดแล่นเร็ว

  • มีความคิดยิ่งใหญ่ เชื่อมั่นในตัวเองสูง

  • ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย เช่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง

2. ภาวะซึมเศร้า (Depression):

  • รู้สึกเศร้า หดหู่ ท้อแท้ หมดหวัง

  • เบื่อหน่าย ไม่มีความสุขในกิจกรรมที่เคยชอบ

  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

  • นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป

  • มีความคิดอยากตายหรือทำร้ายตัวเอง

วิธีดูแลรักษา

  • การใช้ยา: การรับประทานยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรคไบโพลาร์ เพื่อช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมองและป้องกันการกลับมาของอาการ

  • การทำจิตบำบัด: ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเครียด, ปรับความคิดและพฤติกรรม, และทำความเข้าใจกับโรคของตนเอง

  • การจัดการความเครียด: การฝึกผ่อนคลาย, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ, และการจัดตารางชีวิตให้เป็นเวลา

  • การสนับสนุนจากครอบครัวและคนใกล้ชิด: การทำความเข้าใจและให้กำลังใจผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

โรคไบโพลาร์เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง การวินิจฉัยและการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ หากคุณมีอาการที่น่าสงสัย หรือรู้จักคนที่กำลังเผชิญกับภาวะนี้ ควรแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อรับการช่วยเหลือที่เหมาะสม

Back to blog

Leave a comment

Please note, comments need to be approved before they are published.