เคยไหมคะ กำลังเพลินๆ กับกิจกรรมที่ชอบ ไม่ว่าจะวิ่งไล่จับลูก เตะบอลกับเพื่อน หรือแม้แต่นอนดูซีรีส์อยู่ดีๆ จู่ๆ กล้ามเนื้อก็แข็งเกร็งขึ้นมาอย่างรุนแรง ราวกับมีใครมาบิดเกลียวจนปวดแปลบไปทั้งขา... นั่นแหละค่ะ คือ "ตะคริว" ปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่สร้างความทรมานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แล้วเจ้าตะคริวตัวร้ายนี่มันคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงชอบมาเยี่ยมเยียนเราในเวลาที่ไม่คาดฝัน? และที่สำคัญ เราจะรับมือกับมันอย่างไรดี? เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาไขปริศนาเบื้องหลังอาการตะคริวไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ!
สารบัญ
1. ตะคริวคืออะไรและปวดแบบไหนที่ใช่ตะคริว ?
2. สาเหตุที่ทำให้เกิดตะคริว
3. ปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดตะคริว
4. ความเชื่อเกี่ยวกับตะคริว
5. เทคนิคแก้ปัญหาการเกิด “ตะคริว” ระหว่างนอนหลับ
6. แก้การ เป็นตะคริว ด้วยวิธีง่าย ๆ
บทสรุป
1. ตะคริวคืออะไรและปวดแบบไหนที่ใช่ตะคริว ?
“ตะคริว คือ “อาการหดเกร็ง” ของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลันโดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ ตะคริวจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งและทำให้รู้สึกปวดหรือเจ็บกล้ามเนื้อมัดที่เกิดการหดเกร็ง ซึ่งมักจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งหรือเพียงชั่วครู่เท่านั้น พอทิ้งไว้สักพักอาการก็จะดีขึ้นได้
“การเป็นตะคริว” นี้อาจเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดของร่างกายก็ได้ และอาจเกิดกับกล้ามเนื้อเพียงมัดเดียวหรือหลายๆ มัดพร้อมกันก็ได้เช่นกัน ในบางรายอาจมีอาการตะคริวที่ขาในขณะนอนหลับตอนกลางคืนจนสะดุ้งตื่น หรือที่เรียกว่าตะคริวกลางคืน ซึ่งมักเกิดกับกล้ามเนื้อขาและพบได้บ่อยในผู้สูงอายุและวัยกลางคน
2. สาเหตุที่ทำให้เกิดตะคริว
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากการที่เอ็นและกล้ามเนื้อไม่ได้ยืดตัวบ่อยๆ จึงทำให้มีการหดรั้งหรือเกร็งได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ มากเกินไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่า อาจเกิดจากเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ไม่ดี เป็นต้น
3. ปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดตะคริว
ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริวได้ แต่ก็พอจะบอกคร่าวๆ ได้ว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดตะคริว
1. การดื่มน้ำน้อยเกินไปทำให้เซลล์กล้ามเนื้อขาดน้ำ
2. ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล ดยเฉพาะโซเดียมและโพแทสเซียม ซึ่งมักเกิดเมื่อมีอาการท้องเสีย อาเจียน เสียเหงื่อมาก หรือรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ซึ่งอาจทำให้เป็นตะคริวรุนแรง คือเกิดกับกล้ามเนื้อหลายส่วนของร่างกาย และมักจะเป็นอยู่นาน
3. ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ก็อาจเป็นตะคริวได้บ่อย
4. หญิงตั้งครรภ์อาจเป็นตะคริวได้บ่อยขึ้นเนื่องจากระดับของแคลเซียมในเลือดต่ำ หรืออาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปที่ขาไม่สะดวก
5. กล้ามเนื้ออ่อนล้ากหรือกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง จากการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือการทำงานหนัก จะทำให้เกิดตะคริวได้บ่อย
6. การได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้ออาจเกิดจากการกระแทก ทำให้เกิดการฟกช้ำที่กล้ามเนื้อ
7. กล้ามเนื้อขาดการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อที่ตึงจะเกิดตะคริวได้บ่อย
8. กล้ามเนื้อขาดเลือดหากออกกำลังกายอย่างหนักโดยที่ไม่ได้วอร์มอัพ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่พอ
9. การนอน นั่ง หรือยืน ในท่าที่ไม่สะดวกนานๆ ก็ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก และเกิดตะคริวได้เช่นกัน
10. ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ใหรือหลอดเลือดตีบตัน เช่น ผู้สูงอายุอาจเป็นตะคริวขณะที่เดินนานๆ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปที่ขาไม่ดี
4. ความเชื่อเกี่ยวกับตะคริว
ตะคริวเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนจึงมีความเชื่อที่มักจะถูกแชร์ต่อ ๆ กันมา ความเชื่อเหล่านี้ เรื่องไหนจริงหรือหลอก
ความเชื่อที่ 1 เป็นตะคริวบ่อยมีความเสี่ยงหลอดเลือดแดงแข็ง
ความเชื่อนี้จริงบางส่วนเพราะตะคริวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากความเมื่อยล้า หรือบ่งบอกว่ามีโรคซ่อนอยู่ก็ได้ เช่น หลอดเลือดแดงแข็งตัว ไทรอยด์ หลอดเลือดสมอง ปอด เอ็นประสาทอักเสบ อย่างไรก็ตาม อาการปวดจากตะคริวมีความแตกต่างจากอาการปวดจากโรคที่ซ่อนอยู่ หากเป็นตะคริว กล้ามเนื้อจะเกร็ง เมื่อพักแล้วจะดีขึ้น แต่หากปวดจากโรคอื่น เช่น หลอดเลือดแดงแข็งตัว คนไข้จะรู้สึกเย็นและชาร่วมด้วย เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จะปวดมากขึ้น แต่เมื่อพักแล้วอาการจะหายไป
ความเชื่อที่ 2 เป็นตะคริวตอนนอน เพราะดื่มน้ำไม่พอ
ความเชื่อนี้จริงบางส่วนการสูญเสียน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเป็นตะคริว สังเกตได้ว่านักกีฬาส่วนมากมักเป็นตะคริวจากการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือเมื่อร่างกายเสียน้ำมาก และไม่ได้มีการยืดเหยียดร่วมด้วย ในคนทั่วไปที่ออกกำลังกายหรือเดินมาก และดื่มน้ำไม่เพียงพอก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้ ฉะนั้น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอในวันที่ออกกำลังกายหรือเดินเยอะ อาจยืนบนแท่นยืดเหยียดเพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อด้วยก็ได้
ความเชื่อที่ 3 เป็นตะคริวให้กินของเค็ม เพราะร่างกายขาดเกลือแร่
ความเชื่อนี้ไม่จริงหลายคนเชื่อว่ากินเค็มแล้วจะไม่เป็นตะคริว เพราะสับสนว่าเกลือแร่กับของเค็มเป็นเรื่องเดียวกัน หากร่างกายขาดเกลือแร่จนเกิดตะคริว แนะนำให้ทานแมกนีเซียมเสริม หรือทานอาหารที่มีแคลเซียมเพื่อป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งอาหารที่มีเกลือแร่หรือแมกนีเซียมพบได้ในเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ และกล้วย
5. เทคนิคแก้ปัญหาการเกิด “ตะคริว” ระหว่างนอนหลับ
ผู้ที่มักจะเป็นตะคริวระหว่างหลับควรนอนในท่าที่ผ่อนคลาย อย่าให้กล้ามเนื้อตึง และควรจะห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น และหากเกิดอาการเป็นตะคริวขึ้นมาในตอนกลางคืนหรือในขณะที่นอน ให้คุณยืดกล้ามเนื้อขา โดยยืดขาให้ตรง กระดกปลายเท้าขึ้น ค้างไว้ 5 วินาที ทำแบบนี้ 5-10 ครั้ง แล้วนวดกล้ามเนื้อขาเป็นวงกลมจนกว่าจะหาย
และถ้าหากคุณ มักจะเป็น “ตะคริว” ตอนกลางคืนบ่อยๆ ก็ควรดื่มนมก่อนนอน เพื่อเพิ่มแคลเซียมให้กับร่างกาย และยกขาให้สูงโดยใช้หมอนรองขาให้ขาสูงขึ้นจากเตียงประมาณ 10 เซนติเมตร หรือประมาณ 4 นิ้ว พร้อมทั้งฝึกยืดกล้ามเนื้อมัดที่เกิดตะคริวบ่อยๆ นอกจากนี้ก็ควรที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะ “ตะคริว” มักเกิดในผู้ที่ขาดการออกกำลังกายและมีร่างกายที่อ่อนแอ
6. แก้การ เป็นตะคริว ด้วยวิธีง่าย ๆ
1. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หากเป็นที่น่องให้กระดกขาขึ้นค้างเอาไว้สักพัก กล้ามเนื้อที่เกร็งจะค่อย ๆ คลายตัวลง
2. นวดเบา ๆ แต่ไม่ควรกด เพราะจะยิ่งเจ็บ
3. ประคบเย็นตรงที่มีอาการปวด จะช่วยให้หายเร็วขึ้น โดยทั่วไปเมื่อพักแล้วตะคริวจะหายได้เองใน 5 นาที หรือภายหลังการยืดเหยียด 2-3 นาที
บทสรุป
แม้ตะคริวจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเมื่อมีการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนัก หรืออยู่ในท่าเดิมนาน ๆ แต่หากเรารู้วิธีรับมือและวิธีการป้องกันที่ถูกต้องก็จะลดโอกาสการเกิดตะคริว และการเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงเมื่อเกิดตะคริวได้
“แล้วคุณละ - HOW ABOUT YOU?”
ร่วมแบ่งปัน ประสบการณ์กับเรา